วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2562

วิธีการชงกาแฟ ด.ญ.ชาลิสา สีคำสุข

Knowing More about your Coffee 
in a Cardiology Perspective ☕




กาแฟที่จำหน่ายในท้องตลาดแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ

1. กาแฟสำเร็จรูป พร้อมดื่ม เช่นกาแฟกดในร้านสะดวกซื้อ กาแฟกระป๋อง ผงกาแฟพร้อมชง เทน้ำร้อน ดื่มได้เลยเป็นต้น 

2. กาแฟสด เป็นกาแฟที่ชงตามที่เราสั่งหน้าร้าน ทำเดี๋ยวนั้น ด้วยวิธีการชงแบบต่างๆ จะมีความหอมและให้รสชาติของกาแฟที่ดีกว่า มีทั้งแบบร้อน แบบเย็น และแบบปั่น

สำหรับปริมาณคาเฟอีนในกาแฟ จำไว้เลยนะครับ ขึ้นอยู่กับสามปัจจัยหลักคือ ชนิดเมล็ดกาแฟ วิธีการคั่ว และ วิธีการชง อย่างที่เราเคยเห็น infographic แสดงปริมาณคาเฟอีนของกาแฟยี่ห้อต่างๆที่ขายในประเทศไทย เคยนิยมแชร์กันในเฟสบุ๊คอยู่ช่วงนึง การแปลผลข้อมูลอันนั้นอาจจะต้องระวังนิดนึง เนื่องจาก แต่ละแบรนด์ มีวิธีในการชงที่แตกต่างกัน และขนาดของแก้วก็ไม่เท่ากัน  

เริ่มสนใจกันแล้วใช่มั๊ยครับ ยกตัวอย่างคุณหมอหลายคนเวลาไปร้านกาแฟสดในต่างประเทศอย่าง starbucks, seattle's best, uptown roaster, parlor coffee, four barrel หรือ G&B อาจจะมีปัญหาในการสั่ง ดูยุ่งยาก ไม่รู้จะสั่งยังไง อ่านจบโพสท์นี้รับรองว่าจะสั่งกาแฟได้คล่องขึ้นแน่นอน

วิธีชงกาแฟสดมีหลักๆอยู่ 4 วิธีนะครับ

1. ใช้แรงดันอัดน้ำร้อนผ่านเข้าไปในเมล็ดกาแฟบด เรียกว่า "Espresso" รากศัพท์มาจากคำว่าแรงดันนั่นเอง เป็นวิธียอดฮิต ร้านกาแฟสดต่างๆที่เราไปซื้อกินจะใช้วิธีนี้เกือบทั้งหมด แม้แต่ starbucks ที่เห็นเครื่องใหญ่ๆวางหน้าร้าน อันนั้นก็คือเครื่องอัดแรงดัน คำว่า Espresso ไม่ได้หมายถึงชนิดของกาแฟนะครับหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ เป็นชื่อหนึ่งในวิธีชงกาแฟเฉยๆ ใช้เวลาราวๆครึ่งนาทีก็จะได้น้ำกาแฟออกมาจากเครื่อง ตวงหน่วยเป็น ช๊อต หนึ่งช๊อตมี 30 มล. ดังนั้นปริมาณคาเฟอีนถ้าจะวัดเปรียบเทียบกันในแต่ละร้านก็ควรต้องวัดต่อ 1 ช๊อตของ Espresso ก่อนที่จะนำไปผสมเป็นเมนูต่างๆ เมนูต่างๆที่ว่าคืออะไรเรามาดูกันครับ

ปกติถ้าเราสั่ง espresso แท้ๆเลย จะมาเป็นช๊อตร้อนๆใส่แก้วเล็กๆนะครับ ถ้าสั่งสองช๊อตจะเรียกว่า doppio ในบ้านเราถ้าสั่ง espresso มันคือ iced espresso ครับ เค้าจะเอา espresso 2 ช๊อต มาผสมนม กับ ไซรัป เขย่าให้เข้ากันและใส่น้ำแข็ง ตบหน้าด้วยวิปครีม เป็นต้น ถ้าไปต่างประเทศสั่ง espresso จะได้เป็นช๊อตนะครับ ไม่เหมือนกัน

เติมน้ำร้อนใส่ espresso 1 ช๊อต = Americano
เติมนมใส่ espresso = Flat White หรือ au lait
เติมฟองนมใส่ espresso = Macchiato
เติมนมร้อน และ ฟองนม ใส่ espresso = Latte หรือ Cappucinno
เติม hot chocolate ใส่ espresso = Moccha
เติม hot chocolate และ ฟองนม ใส่ espresso = Mochaccino
ใช้เหล้าเบอร์เบิ้นเทราดลงน้ำตาลก้อนแล้วจุดไฟเผา ผสมลงใน Americano = Caffe Royale

ขนาดแก้ว ยกตัวอย่าง starbucks แก้วเล็ก (tall) ใช้ espresso 1 ช๊อต แก้วใหญ่ (grande) ใช้ 2 ช๊อต แก้วใหญ่ (venti) ใช้ 3 ช๊อต ถ้าเราอยากลดปริมาณคาเฟอีนลง แต่อยากกินเยอะ ก็อาจจะสั่งให้บาริสต้า ผสม 1 ช๊อทในแก้วใหญ่ก็ได้ หรือ อาจจะเลือกเป็น decaf หรือ half-decaf ก็ได้ครับ 

2. วิธีเทน้ำร้อนผ่านผงกาแฟในกระดาษกรอง เรียกว่า Pour-Over หรือ Drip นั่นเอง แต่อาจจะไม่ได้รสชาติกาแฟเต็มที่เหมือนวิธีอื่น

3. วิธีที่เรียกว่า French Press หรือ Bodum ว่ากันว่าเป็นวิธีชงที่ได้รสชาติกาแฟเต็มบอดี้ที่สุด แต่ชงเสร็จต้องดื่มเลย ตามร้านทั่วไปไม่ค่อยมีชงแบบนีกัน ยกเว้นในโรงแรม ส่วนใหญ่จะทำกันตามบ้านมากกว่า โดยใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า plunger plot มีขายตามร้านกาแฟใหญ่ๆ ราคามักไม่เกิน 1000 บาท หลักการคือเทน้ำร้อนให้ท่วมเมล็ดกาแฟบด ต้องบดแบบหยาบ ถึงจะอร่อย ทิ้งเอาไว้ซักพัก ก่อนจะรีดน้ำกาแฟออกมา

4. การชงกาแฟแบบผ่านกาแฟบดซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายๆรอบ หรือ ที่เรียกว่า Percolator ไม่ค่อยนิยมมากนัก แทบไม่มีร้านไหนทำ หายากมาก ว่ากันว่ารสชาติกาแฟที่ออกมาจะขมมาก อันนี้ผมก็ไม่เคยเหมือนกัน  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

💜ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำเม็ดขนุน❤

           💜ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการทำเม็ดขนุน❤ ขนมหวานอย่าง   เม็ดขนุน   ขนมไทยสีเหลืองทอง ผิวมันเงาวั๊บ ขนมที่จัดอยู่ในประเภทขอ...